วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552











ประวัติเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หรือ เจ้ากอแก้ว หรือเจ้าป้า เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2477 เมื่อวัยใกล้ 70 ปีของเจ้าป้า ได้ออกหนังสือชีวประวัติของตนเองเป็นเล่มแรก โดยเล่าผ่านเทปให้คณะผู้จัดทำ นำไปเรียงร้อยเป็นตัวหนังสือในชื่อว่า "เจ้าป้าเองค่ะ" ซึ่งตีแผ่ชีวิตของตัวเอง ถึงที่มาที่ไปตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการตัดสินใจทำสิ่งโน้นสิ่งนี้ ใครที่เคยเข้าใจผิดในตัวเจ้าป้า จะได้เข้าใจกันเสียงใหม่ บทแรกของหนังสือเป็นเรื่องราวประวัติของเจ้ากอแก้วและเรื่องราวของต้นตระกูลว่ามาจากไหน เริ่มจากเจ้าตา (เจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ 9 - พลตรีเจ้าแก้ว นวรัฐฯ) พระธิดาของท่านคือเจ้าหญิงศิริประกาย เป็นเจ้าแม่ของเจ้าป้า ตอนเกิดชื่อจริงๆ ของเจ้ากอแก้วคือ "เจ้าประกายกาวิล" ซึ่งเป็นชื่อที่ในหลวงรัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ พระราชทาน แต่วันที่เกิด หม่อมกอบแก้วไปที่เชียงใหม่และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า "กอบแก้ว" แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น "กอแก้ว"นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของเจ้าป้าที่เข้ามาเป็นนักเรียนประจำที่ ร.ร.มาแตร์เดอีฯ แล้วบินไปร่ำเรียนในต่างแดน เน้นเรื่องมารยาทการเข้าสังคม พอกลับเมืองไทยก็กลายเป็นสาวเปรี้ยงแห่งยุค ด้วยความที่เป็นคนชอบแต่งหน้าแต่งตัวเรื่อยมาจนถึงช่วงที่มีลูกชายคือ "กุ๊กกี้" หรือ คุณทินกร อัศวรักษ์ ซึ่งตั้งชื่อตามดาราคนหนึ่งในสมัยนั้นที่หวีผมเรียบแปร้ตลอด แล้วก็ถึงวันร้ายวันเศร้าของเจ้าป้าที่เกิดอาการปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อไปเช็คก็พบเนื้องอกในสมองต้องทำการผ่าตัด โดยเจ้าป้าเปิดใจก่อนที่จะเสียชีวิตถึงอาการป่วยครั้งล่าสุดที่เป็นสาเหตุให้ต้องฉลองปีใหม่ที่ผ่านมา ด้วยการเข้าโรงพยาบาลรักษาเนื้องอกที่กระดูกสันหลังว่า "เมื่อปลายปีที่แล้ว จู่ๆก็รู้สึกปวดหลังมาก ไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หมอบอกว่ากล้ามเนื้ออักเสบ เรารักษายังไงก็ไม่หายปวด จนถึงปีใหม่ก็ยังปวดอยู่อย่างนั้น แต่ด้วยความที่อยากสนุก เลยไปอบหลัง กินยา รักษาตัวทุกอย่าง เพื่อจะได้มีแรงไว้ฉลองปีใหม่ แต่พอวันที่ 1 ม.ค. อาการปวดเริ่มกำเริบขึ้น และคราวนี้รุนแรงมาก ลูกชายเลยพาไปแอดมิต หมอจับเอกซเรย์พบว่าเป็นเนื้องอกที่กระดูกสันหลังข้อที่สอง!!" ส่วนสาเหตุของอาการ "เจ้าป้า"บอกว่า ก่อนหน้านั้นเคยเป็นเนื้องอกที่ศีรษะด้านหลังมาก่อน ต้องผ่าตัดถึง 3 ครั้ง โดยครั้งแรก เมื่อ 20 ปีก่อน ครั้งที่สอง 5 ปีถัดมา และครั้งที่ 3 เมื่อ 10 ปีก่อน หมอเลยสันนิษฐานว่าเนื้องอกที่ศีรษะคงจะเคลื่อนลงมาที่กระดูกสันหลัง ถ้าตรวจพบช้าจะอันตรายมาก ตอนที่หมอตรวจเจอยังบอกเลยว่า ถ้ามาช้ากว่านี้อีกเดือนเดียวมีสิทธิ์เป็นอัมพาตถาวร!! ปกติคนที่เป็นเนื้องอกจะต้องรักษาด้วย การผ่าตัด แต่เนื้องอกที่กระดูกสันหลังอันตรายมาก เพราะเป็นตำแหน่งของปลายประสาท วิธีรักษามีทางเดียวคือฉายแสงกับกินยา แต่ยาตัวนี้มีผลข้างเคียงทำให้ตัวบวม!! เคยบวมจนตาปิด คางห้อยพูดแทบไม่ได้!! "เจ้าป้าไม่เคยกลัว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่างอาการป่วย ถ้ารู้สึกเจ็บก็พัก อย่าไปฝืนตัวเอง ถ้าวันหนึ่งต้องจากไปจริงๆ ก็เป็นธรรมชาติของชีวิต อย่าไปคิดมากดีกว่า ทุกๆปีจะอัดเสียงตัวเองใส่เทปไว้ สำหรับเปิดในงานศพตัวเอง!! …อยากให้คนที่มางานศพได้ฟังเสียงขอบคุณจากเรา จริงๆ… ความตายเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทุกคนต้องเจอ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า เมื่อถึงคราวต้องตาย ไม่ต้องแช่งตัวเองก็ตายอยู่ดี!!"วาระสุดท้ายของชีวิต...เจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2548 ด้วยอาการหัวใจเต้นอ่อนลงและหยุดเต้นไปเอง เมื่อถอดเครื่องช่วยหายใจออก ปิดตำนาน "ไฮโซขนานแท้" ของเมืองไทย ด้วยวัย 70 ปี ท่ามกลางความเศร้าโศกของบรรดาญาติสนิทและผู้ที่เคารพรัก "เจ้าป้า"…………. ... ………ภาพของเจ้าป้ากับการตัดริบบิ้นเปิดงานดูจะเป็นกิจกรรมที่คู่กันมาตลอดตั้งแต่สมัยสาวๆ จนมีคนตั้งฉายาให้ว่า "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" มีบางครั้งที่เจ้าป้าทำสถิติวิ่งรอกออกงานสังคม 7-8 งาน ตั้งแต่เช้าจนดึก แต่พักหลังการรับงานก็จะเพลาลงจากเมื่อก่อน เนื่องจากสุขภาพไม่ค่อยอำนวย"บางคนเขาถือเคล็ดว่า เชิญเจ้าป้ามาตัดริบบิ้นแล้ว กิจการดี รุ่งเรือง เขาก็เชิญเราไป ใครเชิญไปเราก็ถือว่าเขาให้เกียรติ ไปร่วมงานเขาแล้วทำให้เจ้าของงานสบายใจเราก็ยินดี แรกๆ ก็รับได้หลายงาน หรืออาจจะเรียกว่าเกือบทุกงาน แต่ช่วงหลังๆ รับไม่ค่อยไหว เพราะมันเยอะ มีไม่รู้กี่สิบงาน มีคนถามเจ้าป้าบ่อยมากว่า ออกงานทุกวันเป็นสิบๆ ปี ไม่เหนื่อยหรือ ไม่คิดจะหยุดออกงานบ้างหรือ คนเขาคงสงสัยว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนไปงานโน้นงานนี้ได้ทุกวัน" เจ้าป้าเล่าถึงความรู้สึกในหนังสือ "เจ้าป้าเองค่ะ" เอกลักษณ์ของเจ้ากอแก้วที่ถึงแม้จะอยู่ไกลหลายร้อยลี้ก็รู้ว่าเป็นเจ้าป้าฯ นั่นคือ ทรงผมอันฟูฟ่องที่ย้อมสีม่วงเข้ม ไม่เพียงแต่จะม่วงเพียงแค่สีผมเท่านั้น บรรดาเสื้อผ้า เครื่องประดับ อาทิ รองเท้า กระเป๋า ต่างหู ก็เป็นสีม่วง ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า….ม่วงไปหมด เคยมีคนใจกล้าถามเจ้าป้าว่า กกน.สีม่วงด้วยหรือเปล่า เจ้าป้าตอบอย่างอารมณ์ดีว่า ถ้าใส่ก็ต้องเป็นสีม่วงอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ใส่ก็เป็นสีเนื้อแน่นอน ส่วนเรื่องสีม่วงนั้นเป็นรสนิยมที่ชอบเป็นการส่วนตัว ดูเป็นสีที่มีเสน่ห์ ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้เกิดวันเสาร์ที่ต้องโลกกับสีม่วงเลยเวลามีคนมาถามว่าทำไมย้อมสีม่วง คำตอบของเจ้าป้าคือ เพราะผมเดิมเป็นสีขาวหมดแล้ว และที่เลือกย้อมสีม่วงเพราะไม่ชอบย้อมผมสีดำ ส่วนสีน้ำตาลมีคนทำเยอะแล้ว เจ้าป้าชอบสีม่วงมากกว่าเลยย้อมเป็นสีม่วง ตอนย้อมแรกๆ มีคนต่อว่าเยอะ แต่เราไม่เคยสนใจ อยากว่าก็ว่าไป ฉันชอบของฉันอย่างนี้ เลยกลายเป็นเอกลักษณ์ของเจ้ากอแก้วไปเลย จะกลับมาย้อมผมสีดำก็เวลาที่ต้องไปงานศพ งานพิธีใหญ่ๆ แต่ส่วนมากก็จะเป็นสีม่วงตลอด มีคนบอกว่าสีม่วงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเจ้ากอแก้ว แต่จริงๆ แล้วมีน้อยคนที่จะรู้ว่าเจ้าป้าชอบสีชมพูเป็นชีวิตจิตใจเจ้าวิล ในฐานะพี่สาวผู้ชิดใกล้กับเจ้าป้ามากที่สุดบอกว่า "เจ้ากอแก้วเป็นเด็กซนมาก" ชอบเล่นเป็นเด็กผู้ชายและเป็นคนที่กลัวสัตว์เลื้อยคลานและเกลียดกล้วยเอามากๆ เนื่องจากสมัยเรียนอยู่ที่มาแตร์เอดีนั้น ใครทำผิดก็จะถูกทำโทษไม่ให้ทานขนม แต่ให้ถูกทานกล้วยตลอดทั้งสัปดาห์ แล้วคิดเอาเองเถิดว่า เด็กแก่นเซี้ยวอย่างเจ้ากอแก้วจะต้องทานกล้วยบ่อยแค่ไหน เรียกว่าจบจากมาแตร์ฯ เจ้าป้าไม่แตะกล้วยอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นกล้วยอบ หรือทอดก็ตามส่วนลูกชายหัวแก้วหัวแหวน กุ๊กกี้-คุณทินกร อัศวรักษ์ เล่าถึงความเปรี้ยวของคุณแม่ว่า"แม่มีอะไรแปลกเสมอ บางวันใส่กระโปรงสั้น แต่งหน้าเข้มไปส่งที่โรงเรียน พอจะกลับก็ยกขาขึ้นดูนาฬิกาที่ติดไว้กับข้อเท้า แล้วบอกว่าบ่ายสามจะมารับ เพื่อนนี้อึ้งไปเลย"ยังมีเพื่อนรุ่นน้องอย่าง นงนุช นามวงศ์ ที่ออกมาเล่าเรื่องสนุกๆ ของเจ้าป้าเกี่ยวกับงานอดิเรกที่ไม่เคยพลาด เรียกว่า "เมื่อไหร่มีไพ่เจ้าป้าอยู่ได้นาน" ถึงขนาดเคยถูกจับขึ้นโรงพักในข้อหาเล่นการพนันจนเป็นข่าวหน้าหนึ่งมาแล้ว นอกจากนี้ สิ่งที่เจ้าป้ากลัวมากที่สุดคือ กุ๊กกี้ ลูกชายสุดที่รักนั่นเอง









เมื่อโลกนี้ไม่มี"เจ้ากอแก้ว" ผู้เพริดแพร้วโสภีทุกทีท่า เมื่อล่วงลับหลับสนิทในนิทรา ดวงพัตรามิหมองมองงดงาม "เจ้าป้า"ผู้สดใสในทุกที่ หลายสิบปีผ่านไปในสยาม เป็นแบบอย่างหญิงไทยในเขตคาม จารึกนามท่านไว้ในสกล ภาพท่านถือกรรไกรใบหน้ายิ้ม ดูเอมอิ่มพริมพรายเห็นหลายหน และซึมซับรับไว้ในกมล เอกลักษ์บุคคลที่จริงใจ ขอท่านสุขสงบ ณ ภพฟ้า ผลบุญพาตรงจิตนิรัติศัย ดั่งดวงดาวพราวพร่างสว่างไกล สถิตย์ในสถานนิพพานเทอญ






นาม..เจ้าป้า.. ตราใจ ไปทุกที่ คือสตรี สวยเด่น เป็นสง่า เอกลักษณ์ สีม่วง ช่วงผ่านมา ประทับตา ประทับใจ ไทยหนึ่งเดียว แม้โรคร้าย รุมเร้า เจ้ายังชื่น สติตื่น สั่งลา หาห่อเหี่ยว ตัวอย่างดี สดใส ใจปราดเปรียว ผู้ข้องเกี่ยว รักชอบ มอบป้าจริง ณ สวรรค์ แดนดิน ถิ่นภพหน้า ขอเจ้าป้า สุขสถิต สัมฤทธิ์สิ่ง กุศลทำ นำไป ได้พึ่งพิง ยอดผู้หญิง สวยสุข ทุกชาติไป...

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551